วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

น้ำผึ้ง ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน

 หลี่สือเจิน ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ชื่อ เปิ่น-เฉา-กัง-มู่ เกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ำผึ้งทางด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรคไว้ว่า "น้ำผึ้ง มีสรรพคุณ 5 ประการ" กล่าวคือ
1. ขับร้อน
2. บำรุงส่วนกลาง (กระเพาะอาหารและม้าม)
3. ขับพิษ รักษาแผล
4. ทำให้ชุ่มชื่นลดความแห้งแก้ไอ
5. แก้ปวด


ฤทธิ์และรสกับการประยุกต์
น้ำผึ้งมีรสหวาน คุณสมบัติหรือฤทธิ์เป็นกลาง วิ่งเส้นลมปราณปอด ม้าม ลำไส้ใหญ่
เนื่อง จากส่วนประกอบสำคัญร้อยละ 79 คือฟรักโทส และกลูโคส ซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทันที นอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโน เอนไซม์หลายชนิด วิตามินบี และเกลือแร่ กรดกลูโคนิก ร้อยละ 0.5 ซึ่งทำให้มีรสเปรี้ยวอยู่ด้วยกัน
สรรพคุณที่ระบุไว้ในตำราอาหารและยาจีน
1. บำรุงภาวะพร่องอ่อนแอ ผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรัง แผลกระเพาะอาหาร วัณโรคปอด ฯลฯ
2. ลดความแห้งของปอด ทำให้ชุ่มชื่น เหมาะสำหรับอาการไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ ไอเรื้องรัง มักจะทำให้ชุ่มคอ อาจใช้ร่วมกับสมุนไพร ซาเซิน เซิงตี้
3. ช่วยระบายทำให้อุจจาระนิ่ม เหมาะสำหรับคนสูงอายุ หญิงหลังคลอด ผู้ป่วยฟื้นจากโรคที่มีอาการท้องผูก
4. มีฤทธิ์สมานแผล เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคแผลกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กอักเสบ ผู้ป่วยที่ระบบการย่อยอ่อนแอ ปวดท้องและมีแขนขาเย็น ลดการหดเกร็งเนื่องจากความเย็น
5. ขับพิษ - ทำลายพิษ สามารถลดพิษของ ยาสมุนไพรจีน ฟู่จื่อ อูโถว ใช้ทาแผลภายนอกที่เกดไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ฝีมีหนอง สามารถฆ่าเชื้อและทำให้แผลหายเร็วขึ้น
6. ใช้ในด้านความงาม ทำให้ผิวหนังนุ่ม และลดการอักเสบ
7. ช่วยทำให้การนอนหลับดีขึ้น
8. ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเด็กเล็ก
9. มีการประยุกต์ใช้ในผู้ป่วยโรคตับ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง
ข้อห้ามและข้อควรระวังการกินน้ำผึ้ง
1. ผู้ ป่วยเบาหวานห้ามกิน เนื่องจากน้ำผึ้งมีปริมาณกลูโคส และฟรักโทสที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทันที จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวเเร็ว การหลั่งอินซูลินของตับอ่อนไม่พอ
2. ห้ามกินปริมาณมาก โดยเฉลี่ยวันละ 1-2 ช้อน ประมาณ 20 กรัม ในกรณีพิเศษอาจกินเพิ่มได้ แต่ไม่ควรเกิน 50 กรัม/วัน
3. คนที่ถ่ายเหลวหรือท้องเสีย เพราะจะทำให้ถ่ายมากขึ้น เนื่องจากน้ำผึ้งจะดูดน้ำทำให้ขับอุจจาระมากขึ้น
4. ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียน หรือมีผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เนื่องจากภาวะความชื้นตกค้าง
5. การ ผสมน้ำอุ่นประมาณไม่เกิน 40 องศา ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัดๆ เพราะจะทำลายคุณค่าของเอนไซม์ วิตามิน และกรดอะมิโน และสารที่มีคุณค่า ในฤดูร้อนสามารถใช้น้ำเย็นชงดื่ม แต่ควรจะผสมน้ำขิงเล็กน้อย ป้องกันกระเพาะอาหารกระทบความเย็น
6. ไม่ควรกินร่วมกับเต้าหู้ เนื่องจากเต้าหู้มีรสหวาน เค็ม มีคุณสมบัติเย็น สรรพคุณขับร้อนกระจายเลือด เมื่อกินร่วมกันทำให้ท้องเสียง่าย อีกเหตุผลหนึ่งคือ เอนไซม์จากน้ำผึ้งจะทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุ โปรตีน สารอินทรีย์ของเต้าหู้ จะทำให้คุณค่าทางโภชนาการด้อยไป
7. ไม่ ควรกินพร้อมผักกุยช่าย เพราะ กุยช่าย มีวิตามินซีมาก จะทำปฏิกิริยากับโลหะทองแดง และเหล็กในน้ำผึ้ง เกิดออกซิเดชัน ทำให้คุณค่าด้อยลง อีกเหตุผลหนึ่ง น้ำผึ้งทำให้ระบาย กุยช่ายมีเส้นใยมาก เมื่อกินร่วมกันจะทำให้ท้องเสียง่าย
8. ไม่ควรกินร่วมกับหัวหอมและกระเทียม จะทำให้ฤทธิ์ของน้ำผึ้งด้อยลง
สรรพคุณ
1. น้ำผึ้งมีรสหวานมาก แต่ไม่มีสรรพคุณที่ทำให้เกิดความอ้วน นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ลดกรดของไขมัน
2. น้ำผึ้งไม่ทำให้เกิดฟันผุ เหมือนน้ำตาลหรือลูกกวาดทั่วไป แต่กลับทำให้การงอกของฟันดีขึ้น
3. มีบางรายงานเชื่อว่า น้ำผึ้งมีฤทธิ์ยับยั้งการก่อตัวของนิ่วในไต และนิ่วในถุงน้ำดี
4. มีฤทธิ์ต้านเชื้อโรค มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง เป็นยาอายุวัฒนะ
5. ฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร รักษาแผลกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น โรคบิด ลำไส้อักเสบ
น้ำผึ้งชนิดต่างๆ
เนื่อง จากน้ำผึ้งเกิดจากการสะสมน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ชนิดต่างๆกัน ทำให้ลักษณะน้ำผึ้งที่เกิดขึ้น มีคุณสมบัติแตกต่างกันไปด้วย ตัวอย่างเช่น
1. น้ำผึ้งจากเกสรดอกลำไย บำรุงและเลือด บำรุงสมอง ช่วยความจำ ทำให้นอนหลับ
2. น้ำผึ้งจากเกสรดอกลิ้นจี่ แก้กระหาย กระตุ้นน้ำลาย บำรุงหัวใจและไต
3. น้ำผึ้งจากเกสรเบญจมาศป่า ขับร้อนขับไฟ ขับลมแก้พิษ
4. น้ำผึ้งจากเกสรอบเชยป่า ขับร้อนกระตุ้นความอยากอาหาร บำรุงม้าม บำรุงประสาท
5. น้ำผึ้งจากเกสรของส้ม ลดบวม-ขับพิษ แก้กระหายน้ำ
เวลาที่เหมาะสมในการกินน้ำผึ้ง
1. ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
ถ้า ดื่มโดยผสมน้ำอุ่น จะมีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร และทำให้กรดในกระเพาะอาหารเจือจาง ลดการระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ป่วย โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล ถ้าดื่มโดยผสมน้ำเย็น จะมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร รวมทั้งกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้กระตุ้นการถ่ายอุจจาระ
2. ควรดื่มหลังอาหาร 2-3 ชั่วโมง
เพราะ การดื่มหลังอาหารทันที จะทำให้มีการเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือดให้สูงมากยิ่งขึ้น ทำให้ตับอ่อนทำงานหนัก อีกทั้งจะเป็นการกระตุ้นน้ำย่อยกระเพาะอาหารมากยิ่งขึ้นอีก
3 ควรดื่มก่อนนอน
เหมาะสำหรับคนที่ร่างกายไม่แข็งแรง และนอนหลับยาก


    * คอลัมน์: แพทย์แผนจีน
    * Keyword: น้ำผึ้ง
    * หมวดหมู่: แพทย์ทางเลือก, แพทย์แผนจีน
    * นักเขียนหมอชาวบ้าน: นพ.วิทวัส (ภาสกิจ) วัณนาวิบูล

Yuan Yuan หยวน หยวน 媛 媛

Yuan Yuan หยวน หยวน 媛 媛


ทับศัพท์มาจากภาษาจีน
หยวนเป็นสกุลเงินจีน
เป็นชื่อเล่นของภาษาจีน yuanyuan (媛媛)
原 หยวน หรือ 原谅 -หยวนเลี่ยง -น่าจะแปลว่าให้อภัย หรืออโหสิ -หยวนๆ ที่คนไทยพูดว่า หยวนๆ กันนะ  หรือพอๆได้แล้ว หรือยอมๆกันครับ




ผู้ประนีประนอม หรืออาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผู้ไกล่เกลี่ย หมายถึง บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้รับผิดชอบราชการศาลเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นคนกลางช่วยเหลือศาลในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หมายถึง การยุติหรือระงับข้อพิพาทด้วยความตกลงยินยอมของคู่ความเองโดยมีผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลาง ช่วยเหลือ แนะนำ หาทางออกในการยุติหรือระงับข้อพิพาทให้แก่คู่ความ เพื่อนำไปสู่จุดหมายหรือข้อตกลงอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันได้ทั้งสองฝ่าย
 สำหรับบุคคลภายนอกที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประนีประนอมของศาล แต่ละท่านก็มีความรู้ความสามารถ และเสียสละเวลาอันมีค่ามาช่วยทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยคดีที่พี่น้องมีเรื่องฟ้องร้องกันต่อศาล เพื่อให้คู่ความได้รับความพึงพอใจกันทั้งสองฝ่าย โดยแต่ละท่านไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ แต่ทุกท่านก็ยินดีและมีความสุขที่เห็นคู่ความทุกฝ่ายสามารถเจรจา ตกลง ประนีประนอมยอมความกันได้ อันเป็นสิ่งที่จะทำให้สังคมของเราอยู่กันได้ด้วยความสงบ ส่งผลให้เกิดความสมานฉันท์ในสังคมต่อไปครับ




การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคือ การยุติหรือระงับข้อพิพาท
ด้วยความตกลงยินยอมของ
คู่ความเอง โดยมีผู้ไกล่เกลี่ยเป็น
คนกลางช่วยเหลือ แนะนำ เสนอแนะ
หาทางออกในการยุติหรือระงับ
ข้อพิพาทให้แก่คู่ความนั้น




 ผู้ใกล่เกลี่ยคือใคร ::          ผู้ใกล่เกลี่ย หรือบางครั้งเรียกว่าผู้ประนีประนอม ได้แก่ ผู้พิพากษารวมทั้งบุคคลหรือคณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาล เพื่อช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยขอพิพาท
ปองดอง
สมานฉันท์
หยวน หยวน


:: ประโยชน์ที่ท่านได้รับจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ::
สะดวก                  ไม่เป็นทางการหรือมีขั้นตอนมากเกินไป
รวดเร็ว                  ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากสลับซับซ้อน
ประหยัด                ไม่มีค่าใช้จ่าย
พึ่งพอใจ               คู่พิพาทตัดสินใจเองในผลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
รักษาสัมพันธภาพอันดีของคู่ความ       เพราะผลการไกล่เกลี่ยไม่มีฝ่ายใด
                                                              แพ้ฝ่ายใดชนะ
:: คดีหรือข้อพิพาทที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ::1.   คดีหรือข้อพิพาททางแพ่ง
2.   คดีหรือข้อพิพาททางอาญาที่ยอมความได้
3.   คดีหรือข้อพิพาทอื่นที่สามารถจะไกล่เกลี่ยได้
:: ผลการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาล ::      เมื่อคู่ความสามารถตกลงกันได้ ศาลพิพากษาตามยอมหรือโจทก์ถอนฟ้อง แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้ส่งเรื่องคืนสู่การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลตามปกติ
:: สิ่งที่คู่ความจะต้องมีในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ::
1. ความสมัครใจ     :  ประสงค์ที่จะไกล่เกลี่ยข้อพิพาทอย่างแท้จริง
2. ความพร้อม         :  เตรียมตัวและเตรียมข้อเท็จจริงต่างๆเพื่อประโยชน์
                                 ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
3. ความรับผิดชอบ : รับผิดชอบในการเข้าร่วมตามวันเวลาที่นัดหมาย
                                  ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
4. ความร่วมมือ      :  ตั้งใจที่จะให้ความร่วมมือเพื่อนำไปสู่จุดหมายการไกล่เกลี่ย


สมานฉัน......และปองดอง


โอ๋ย....ยังมีอีกหลายคำ  ว่างๆ แล้วจะมาเขียนต่อนะครับ
email: yuanyuan1@hotmail.co.th